ประเพณี งานนมัสการหลวงพ่อปานและแข่งเรือพาย


อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เตรียมจัดงานนมัสการหลวงพ่อปาน ประจำปี 2555 เพื่อสืบสานงานประเพณีท้องถิ่นที่ดีงาม
กำหนดจัดงานนมัสการหลวงพ่อปาน ประจำปี 2555 ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2555 ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โดยงานนมัสการหลวงพ่อปานอำเภอบางบ่อ เป็นงานประเพณีของอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ที่จัดต่อเนื่องมากว่า 80 ปี เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้มานมัสการและปิดทองรูปหล่อหลวงพ่อปาน ซึ่งเป็นพระอริยะสงฆ์ที่ยึดมั่นเคร่งครัดทางพระธรรมวินัย เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังทางวิปัสสนากรรมฐาน ยึดมั่นทางธุดงค์ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวอำเภอบางบ่อและใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเป็นการน้อมรำลึกถึงคุณงามความดี และวัตรปฏิบัติอันดีงามของท่าน เมืองครั้งยังอยู่ในเพศบรรพชา จนกระทั่งมรณภาพ ถือว่าเป็นการสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมพื้นบ้าน จึงได้ยึดวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปีเป็นวันเริ่มงาน สำหรับงานในปีนี้ตรงกับวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 เป็นวันเริ่มงาน ภายในงานยังมีการจัดแสดงมหรสพต่างๆ เช่น ดนตรี ลิเก ลำตัด การแข่งขันเรือพื้นบ้านและการละเล่นพื้นบ้าน

หลวงพ่อปาน เกิดที่ตำบลบางเหี้ย ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อ พ.ศ. 2368 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาเป็นคนจีนไม่ทราบชื่อ มารดาเป็นคนไทยชื่อ นางตาล เมื่อวัยเยาว์หลวงพ่อปานได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอรุณราชวราราม จนครบอายุอุปสมบทที่วัดอรุณราชวราราม เป็นเวลาพอสมควรจึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดมงคลโคธาวาส (วัดบางเหี้ย) อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาหลวงพ่อปานได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็น ”พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ” หลวงพ่อปานมรณภาพเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2453 สิริอายุได้ 86 พรรษา

คำสอนหลวงพ่อปาน "ไม่เกิดต้องทำอย่างไร"

ทีนี้คนที่จะไม่เกิดต้องทำอย่างไร มันทำไม่ยาก ทำง่าย ๆ คือ

๑. รักษาศีลให้บริสุทธิ์ คนรักษาศีลน่ะเป็นคนดี ไอ้คนไม่มีศีลน่ะเป็นคนระยำ จำไว้ให้ดี ถ้าเราอยากจะเป็นคนดี เราต้องเป็นคนมีศีล ถ้าเรายังปฏิบัติศีลไม่ได้ ให้รู้ตัวว่าเราระยำเต็มทีแล้ว เลวเต็มทีแล้ว ให้รู้ตัวไว้ อย่าเป็นคนเข้าข้างตัว จงเป็นคนรู้ตัวดีกว่าคนเข้าข้างตัว

๒. รักษาสมาธิให้ตั้งมั่น ซึ่งเป็นของที่ไม่ต้องลงทุน

๓. ปลงสังขาร ไว้ว่า โลกทุกโลกเป็นแดนของความทุกข์ สังขารทุกสังขารเป็นดินแดนของความทุกข์ เราจะเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เทวดาก็ดี พรหมก็ดี ก็ไม่พ้นทุกข์

ถ้าเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม ก็ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน เราไม่ต้องการโลกทั้ง ๓ ประการ และไม่ต้องการอะไรทั้งหมด ขึ้นชื่อว่ามนุษยโลกก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี ไม่ใช่สิ่งที่เราปรารถนา สิ่งที่เราปรารถนาจริงๆ ก็คือ พระนิพพาน ภาวนาไว้ว่า สิทตะมหานิพพานัง หรือ นิพพานัง เฉยๆ ก็ได้ นึกไว้ว่า นิพพานๆ เราต้องการพระนิพพานโลกนี้ทั้งหมดเราไม่ต้องการอะไร ความรัก ความเกลียด ความโกรธ ความเร่าร้อน เราถือเป็นของธรรมดา อะไรจะมากระทบกระทั่ง นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดา เราจะเปลื้องสมบัติสภาวการณ์ต่างๆ ของโลกให้สิ้นไป

เราอยู่กับโลก เราจะอาศัยโลกและสมบัติของโลกชั่วคราว เมื่ออัตตภาพมีอยู่ เมื่อความสิ้นไปแห่งอัตตภาพมีเมื่อไหร่ เมื่อนั้นแหละเราจะไปพระนิพพาน

ที่มา : FB ศูนย์พุทธศรัทธา

ให้คะแนนกับบทความนี้:
{[['']]}