แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พิธีสืบชะตา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พิธีสืบชะตา แสดงบทความทั้งหมด

ประเพณีไทย พิธีสืบชะตาแม่น้ำ


ในยามที่เห็นว่าแม่น้ำกำลังเปลี่ยนแปลงไป เช่น น้ำแห้ง น้ำแล้ง หรือแม้แต่ปลาลดลง ชาวบ้านก็จะจัดพิธีสืบชะตาให้กับแม่น้ำ ชาวบ้านเชื่อว่าการสืบชะตาหมายถึง การต่ออายุให้ยืนยาวออกไป

ในกรณีของทางภาคเหนือนั้น การต่อชะตามีหลายอย่าง และนิยมทำในหลายกรณี ชาวบ้านบางกลุ่มที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับแม่น้ำ ชาวบ้านก็นิยมจัดพิธีสืบชะตาให้กับแม่น้ำ เพื่อต่ออายุ และความเป็นสิริมงคลจะได้เกิดขึ้นกับแม่น้ำรวมทั้งผู้คนในชุมชนไปด้วย การสืบชะตาให้กับแม่น้ำจึงเป็นการแสดงความศรัทธา ความเคารพ และเหนือสิ่งอื่นใดคือการร่วมกันแสดงออกถึงความห่วงใยต่อแม่น้ำ

พิธีสืบชะตาแม่น้ำประยุกต์มาจากพิธีสืบชะตาคนและสืบชะตาหมู่บ้าน มีความสำคัญดังนี้ 
๑. ก่อให้เกิดความร่วมมือ ความสามัคคีและช่วยเหลือเกื้อกูลกันภายในชุมชน
๒. ทำให้เกิดความเลื่อมใส เคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องรักษาแม่น้ำ
๓. เกิดความรักหวงแหนและสำนึกในการดูแลรักษาแม่น้ำ ตลอดจนต้นน้ำลำธาร



พิธีกรรม
๑. ก่อนทำพิธีสืบชะตาแม่น้ำ ชาวบ้านจะร่วมแรงร่วมใจกัน ขุดลอกลำคลองและแหล่งน้ำ โดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือพื้นบ้าน
๒. ในวันกระทำพิธีจะมีการบวงสรวงเทวดา เพื่อเป็นการขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาแม่น้ำ
๓. เครื่องสืบชะตาประกอบด้วย กระโจมไม้สามขา ท่อนแสก เรียกว่าสะพานเงิน สะพานทอง อีกท่อนหนึ่ง จะผูกติดด้วยไม้ค้ำท่อนเล็ก ๆ จำนวนพอประมาณแต่ลงท้ายด้วยเลข ๙ เครื่องประกอบอื่น ๆ ได้แก่กระบอกน้ำ หน่อกล้วย อ้อย ลูกมะพร้าว หม้อเงิน หม้อทอง เทียนถุง เมี้ยง บุหรี่ หมากพลู ข้าวตอกดอกไม้รวมกันในด้ง บทสวดที่ใช้ในการสืบชะตาแม่น้ำ คือบทสืบชะตาหลวง (อินทชาตา, ชินบัญชร อัฏฐอุณหัสสและธรรมสาลาวิจารสูตร)


อย่างไรก็ดีการสืบชะตาถ้าพูดง่ายๆ ก็คือการต่ออายุให้มีอายุยืนยาวขึ้นนั่นเอง เราคงเคยได้ยินหรือคุ้นเคยกับคำพูด  สืบชะตาเมือง    

จากโหร หรือนักโหราศาสตร์ในช่วงบ้านเมืองเกิดวิกฤต  โดยพิธีสืบชะตาแม่น้ำนี้  จัดขึ้นเพื่อเป็นการต่อชีวิตให้กับแม่น้ำ  และเป็นการขอขมาต่อแม่น้ำ สายน้ำที่มีความสำคัญต่อสรรพสิ่งทั้งมวลรวมถึงผู้คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำและเป็นการกระตุ้นเตือนให้คนที่อาศัยอยู่บริเวณแม่น้ำมีจิตสำนึกช่วยกันรักษาสายน้ำแห่งนี้ให้ยืนยาวอย่างยั่งยืน

เรียบเรียงใหม่โดย http://ที่นี่ประเพณีไทย.blogspot.com
บทความ : อ. สิริชัย พยากรณ์

ให้คะแนนกับบทความนี้:
{[['']]}

ประเพณีไทย พิธีสืบชะตา


   พิธีสืบชะตาของชาวล้านนามีมาแต่โบราณกาลแล้วและมีการประกอบพิธีมาก่อนที่พระพุทธศาสนาจะเผยแผ่เข้าสู่อาณาจักรล้านนา   เนื่องจากแต่เดิมนั้นพิธีสืบชะตาถือเป็นพิธีพราหมณ์  โดยมีอาจารย์ประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นฆราวาสที่มีความเชี่ยวชาญด้านพิธีกรรมพื้นบ้านและถือเป็นตัวแทนของพราหมณ์    เป็นผู้ประกอบพิธี  ครั้นต่อมาเมื่อพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาจนมีความเจริญรุ่งเรือง  พิธีสืบชะตาจึงมีการผสมผสานระหว่างพิธีพุทธกับพิธีพราหมณ์  โดยมีพระสงฆ์มาทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบพิธีสืบชะตาแทนอาจารย์ซึ่งเป็นฆราวาสจวบจนถึงปัจจุบัน


ในการสืบชะตานั้นจะแต่งดาเครื่องสืบชะตาหลายอย่างซึ่งถือเป็นเครื่องบูชาอย่างหนึ่งตามพิธีที่สืบทอดกันมา

ประกอบด้วย

  1.  ไม้ค้ำ มีลักษณะเป็นไม้ง่าม  ๓  อัน สำหรับนำมาประกอบกันเป็นซุ้ม  เรียกว่า  ไม้ค้ำชะตา  แต่ด้วยลักษณะไม้ค้ำที่มีขนาดใหญ่และยาวพอประมาณจึงเรียกว่า  ไม้ค้ำหลวง  บางแห่งก็มีขนาดยาว บางแห่งก็มีขนาดสั้นพอประมาณแล้วแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น   แต่ส่วนมากนิยมใช้ขนาดยาวเท่ากับวาแขนหรือความสูงของเจ้าของชะตา ไม้ค้ำมีความหมายว่าเพื่อให้เป็นสิ่งค้ำจุนชีวิตให้มีความเจริญรุ่งเรืองมีอายุยืนยาวเปรียบเสมือนต้นไม้ที่ใกล้จะล้ม  หากมีไม้มาค้ำไว้ก็จะทำให้เจริญงอกงามต่อไป  เหมือนชีวิตคนเราที่ได้รับการค้ำชูย่อมจะมีความสุขความเจริญต่อไปฉันใดก็ฉันนั้น


  สมัยก่อน  ไม้ค้ำ  เป็นชื่อของต้นไม้ประเภทหนึ่ง  หากนำมาตัดกิ่งออกแล้วขุดดินฝังสำหรับใช้เป็นไม้ค้ำต้นไม้ประจำหมู่บ้านหรือไม้หมายเมือง  ไม้ค้ำนี้จะไม่เหี่ยวแห้งเพราะจะมีรากออกมา   ปัจจุบันยังมีต้นไม้ค้ำอยู่ที่บ้านแม่ไทย  อำเภอแม่ทะ  จังหวัดลำปาง     ซึ่งชาวบ้านที่นั้นก็ยังนิยมเอาต้นไม้ค้ำมาใช้ในพิธีสืบชะตาอยู่  คนปัจจุบันไม่ค่อยรู้จักต้นไม้ชนิดนี้แล้ว  จึงเอาต้นไม้ชนิดอื่นที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงมาทำเป็นไม้ค้ำแทน

  2. กระบอกน้ำ  กระบอกทราย  กระบอกข้าวเปลือก  กระบอกข้าวสาร หมายถึง  ธาตุ  ๔  ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้คนเรามีความแข็งแรงยิ่งขึ้น

  3.  สะพาน (ขัว)  หมายถึง  สะพานแห่งชีวิตที่ทอดให้เดินข้ามจากฝั่งที่เลวร้ายไปสู่ฝั่งที่ดีงามกว่า

  4.  บันได (ขั้นได)  หมายถึง  บันไดแห่งชีวิต  สำหรับพาดให้เราปีนป่ายขึ้นสู่ที่สูง  เสมือนคนเราตกบ่อน้ำแล้วต้องปีนป่ายด้วยบันไดออกจากบ่อน้ำ

  5.  ลวดเงิน  ลวดคำ  ลวดหมาก  ลวดเหมี้ยง หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและอาหารการกิน

  6.  ไม้ค้ำขนาดเล็ก ไม้ค้ำขนาดเล็กยาวเท่าศอกของเจ้าของชะตาต่างกับไม้ค้ำหลวงที่มีขนาดเท่าวาหรือความสูง  ไม้ค้ำเล็กมีจำนวนเท่าอายุของเจ้าของชะตา  แต่นิยมให้มีจำนวนเกินอายุไปประมาณ  ๒-๓  อัน  เพื่อให้มีอายุยืนยาวขึ้นไปอีก

  7. ช่อ ทำจากกระดาษสีขาวจำนวน  ๑๐๘  อัน

  8.  ตุงค่าคิง หรือตุงชะตา  มีขนาดความยาวเท่าความสูงของเจ้าของชะตา

  9.  เทียนค่าคิง หรือเทียนชะตา  มีขนาดความยาวเท่ากับความสูงของเจ้าของชะตาเหมือนกัน  แต่ต่อมาภายหลังเห็นว่า  เทียนมีขนาดยาว   เมื่อจุดไฟจะทำให้งอ  ก็เลยสีด้วยขี้ผึ้งประมาณคืบหนึ่ง    ส่วนฝ้ายที่เป็นไส้เทียนนั้นยังมีขนาดยาวเท่าความสูงผู้สืบชะตาอยู่

  10.  พระเจ้าไม้ หรือพระพุทธรูปที่แกะสลักด้วยไม้  สำหรับนำมาประดิษฐานที่ยอดไม้ค้ำ  แต่เดิมไม่มีพระพุทธรูป  ครั้นต่อมาเมื่อพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาสู่ล้านนาจนมีความเจริญรุ่งเรืองก็มีการผสมผสานระหว่างพิธีพุทธและพิธีพราหมณ์  จึงนำพระพุทธรูปไม้มาประดิษฐานบนยอดไม้ค้ำเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา

  11.  หน่อกล้วย  หน่อยอ้อย  หน่อหมาก  หน่อมะพร้าว มีความหมายว่า  คนที่ได้รับการสืบชะตาจะมีชีวิตที่เหมือนกับได้เกิดใหม่แล้วจะมีความหอมหวาน  มีความเจริญงอกงาม  เหมือนต้นกล้วย  ต้นอ้อย  ต้นหมาก  ต้นมะพร้าวที่พร้อมจะเจริญเติบโตต่อไป

  12.  สื่อใหม่  (สาด) หมอนใหม่ มีความหมายว่า   ผู้ที่สืบชะตาแล้วจะมีความสุขสบายและนอนหลับฝันดี

    เครื่องสืบชะตาทั้งหมดนี้เมื่อนำมาประกอบกันจัดให้เป็นระเบียบตามแบบโบราณพิธีเรียกว่า  โขงชะตา ถือเป็นบริเวณพิธีหรือเขตศักดิ์สิทธิ์สำหรับสืบชะตาให้มีความสุขความเจริญต่อไป


   ส่วนพิธีส่งนพเคราะห์นั้น  ถือเป็นพิธีพราหมณ์อีกประการหนึ่ง  เมื่อจะทำพิธีส่งก็ต้องจัดเตรียมเครื่องบูชาให้พร้อม  ประกอบด้วย  สะตวง (กะบะ)  ทำจากกาบกล้วยดิบมีขนาดความกว้างเท่ากับศอกของเจ้าของชะตา  ๑  ศอก  แล้วแบ่งเป็น  ๙  ห้อง หรือ  ๙  ช่อง  ด้วยกาบกล้วยดิบเช่นกัน  แต่ละห้องให้ใส่เครื่องบูชาชนิดต่างๆ ตามกำหนด  ได้แก่  ข้าว  อาหาร   ผลไม้  พริก  เกลือ  ขนม  น้ำ  หมาก  เหมี้ยง  บุหรี่  ดอกไม้  ธูป  เทียน  และช่อ  เครื่องบูชาเหล่านี้นำใส่แต่ละห้องจำนวนไม่เหมือนกัน  แต่ขึ้นอยู่กับกำลังวันของดาวนพเคราะห์   ๙  ดวง  ได้แก่  พระอาทิตย์   พระจันทร์    พระอังคาร     พระพุธ    พระพฤหัสบดี    พระศุกร์     พระเสาร์    พระราหู    และพระเกตุ

   การประกอบพิธีสืบชะตานั้น  อันดับแรกอาจารย์จะทำพิธีปัดเคราะห์  ส่งเคราะห์ก่อนแล้วจึงทำพิธีสืบชะตาทีหลัง  เพื่อให้เคราะห์ภัยที่มีอยู่ในตัวเราสูญไป  แล้วจึงทำพิธีสืบชะตาให้มีความสุขความเจริญ  เมื่อทำพิธีสืบชะตาเสร็จแล้ว  เครื่องบูชาทั้งหลายจะนำไปใช้สาธารณะประโยชน์ต่อไป   กล่าวคือ

ไม้ค้ำ นำไปค้ำต้นไม้ประจำหมู่บ้าน  หรือไม้หมายเมือง  แต่ปัจจุบันคนสมัยใหม่ไม่เข้าใจวิถีปฏิบัติตามแบบโบราณ  มักจะนำไม้ค้ำไปวางไว้ที่ใต้ต้นสรี  (ต้นศรีมหาโพธิ์)

สะพาน นำไปพาดร่องน้ำหรือลำเหมืองเล็ก  เพื่อเป็นสะพานให้ผู้คนเดินข้ามลำเหมืองนั้น

หน่อกล้วย  หน่อยอ้อย  หน่อหมาก  หน่อมะพร้าว นำไปปลูกในที่สาธารณะของหมู่บ้านหรือป่าหมู่บ้าน  บางคนอาจจะปลูกริมร่องน้ำสาธารณะก็ได้  เมื่อผลิดอกออกผล  ใครจะเก็บไปกินไปใช้ก็ไม่มีใครว่า  เพราะถือเป็นของสาธารณะ


การประกอบพิธีสืบชะตาของพ่อหนานศรีเลา   เกษพรหม  แต่งกายด้วยชุดสีขาวหรือชุดสุภาพพร้อมกับมีผ้าพาด  การประกอบพิธีแต่ครั้งจะเป็นผู้กำหนดวัน  เวลา  และเครื่องประกอบพิธีตามที่สืบทอดมาแต่โบราณกาลอย่างเคร่งครัด  เพื่อให้การประกอบพิธีมีความถูกต้องและสมบูรณ์  อันจะทำให้เจ้าของชะตามีความสุขความเจริญต่อไป


เรียบเรียงใหม่โดย http://ที่นี่ประเพณีไทย.blogspot.com
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก folklore.culture.go.th

ให้คะแนนกับบทความนี้:
{[['']]}